วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

วิเคราะห์เรื่องสั้น คล้ายว่าเริ่มจากฝน


คล้ายว่าเริ่มจากฝน

แนวคิดหรือสารัตถะของเรื่อง 
คล้ายว่าเริ่มจากฝน เป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่นำเสนอเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการทำสงคราม การกู้ชาติระหว่างชนเผ่าในแถบชายแดนแผ่นดินไทย และเป็นเรื่องราวของเด็กชายสองคน ที่มีสัญชาติต่างกัน คนหนึ่งคือสัญชาติไทย อีกคนหนึ่งคือสัญชาติมอญ บ้านของทั้งสองอยู่ใกล้กัน และด้วยสาเหตุบางประการทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่สนิทกัน
เนื้อเรื่องนำเสนอในแง่ของการเมือง นั่นคือการทำสงครามกันระหว่างชายแดนของไทย ซึ่งเป็นชุมชนหนึ่งในแถบชายแดนที่มีผู้คนหลายสัญชาติรวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย มอญ ฉาน ว้าและกะเหรี่ยง เป็นต้น ซึ่งจากภาพความทรงจำของคนในหมู่บ้านที่มีต่อชาวต่างด้าวในด้านลบ นั่นคือก่อนหน้านี้มีการยึดโรงพยาบาลและจำคนไข้เป็นตัวประกัน ทำให้เกิดอคติต่อชาวต่างด้าวทุกคนไม่เว้นแต่ ฮะตู เด็กชายจากสัญชาติมอญที่มาศึกษาเล่าเรียนกับคนไทย ก็กลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงเช่นกัน อันนำไปสู่ความไม่สงบสุขในสังคมชายแดน  ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเรื่องสั้น ปรากฏรายละเอียด ดังนี้
1) ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการอคติทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์
ดังตัวอย่าง “นายคบกับไอ้เป๋เป็นเพื่อน คิดจะชักศึกเข้าบ้านละสิ”
จากคำพูดข้างต้น แสดงให้เห็นว่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ในด้านการทำสงครามชิงดินแดนกลับกลายเป็นภาพความทรงจำด้านลบหรือความอคติต่อชาวต่างด้าว ซึ่งทำให้มีผลต่อการใช้ชีวิตร่วมกันของคนในชุมชนนี้ และยังเป็นภาพของความรุนแรงในเชิงวัฒนธรรม ด้วยที่คนทั่วไปมองคนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ใช่คน แต่เป็นคนร้ายหรือผู้ก่อการร้าย เมื่อมีคนที่ต้องการให้มีความเสมอภาคกันก็จะทำให้คนกลุ่มนั้นถูกกระทำความความรุนแรง โดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงว่า จะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่บุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นจะเป็นคนร้ายจริงๆ
2) ความรุนแรงจากการแปลกแยก เป็นการลดทอนสิทธิที่เกิดจากเงื่อนไขการทำงาน เชื้อชาติ เพศ การกีดกันทางสังคม การกดขี่ทางวัฒนธรรม และการอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว
ดังตัวอย่าง “กีฬาโปรด” ฮะตูยิ้ม “ที่โน้นมีสนามฟุตบอลด้วย พี่ชายเราเล่นเก่ง ถ้าเขาเป็นคนไทยก็อาจติดทีมชาติหรือถ้าเราได้แข่งขัน...” เขาทำหน้าสลด
จากตัวคำพูดข้างต้น แสดงให้เห็นว่าการที่ ฮะตูและพี่ชายต้องมาอาศัยอยู่บนแผ่นดินที่ไม่ใช่ของตนเอง ทำให้ต้องโดนจำกัดอิสรภาพ ไม่สามารถทำตามที่ตนอยากทำได้หรือไม่สามารถหาความสุขเหมือนอย่างที่เด็กปกติควรจะได้รับ เช่น การเล่นฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขารักและชอบเป็นพิเศษ และด้วยความที่ว่าเขาเป็นแค่เด็กมอญที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กพม่า ทำให้โดนสังคมกีดกัน ไม่มีเพื่อนคนไหนชวนเขาเล่นฟุตบอลหรือทำกิจกรรมอื่นๆร่วมกันกับเขาเลยสักคน



ความหมายเชิงโครงสร้างของ คล้ายว่าเริ่มจากฝน
          ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นว่า ปัจจุบันคนในสังคมยังมีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม ไม่สามัคคีกัน เป็นเหตุให้เกิดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน สุดท้ายเป็นทางนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด นอกเหนือจากนั้นผู้เขียนยังสื่อให้เห็นถึงความเป็นเพื่อนอีกด้วย ไม่จำเป็นว่า ต้องเป็นคนชาติเดียวกันหรือศาสนาเดียวกันไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างครบสมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่เพื่อนคือคนที่ทำให้สบายใจเวลามีปัญหาและอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำไม่ดีกับเขาแค่ไหนเขาก็ยังรักและห่วงใยเราเสมอเพื่อนคือมิตรภาพและคอยแบ่งปันทุกข์ สุข ด้วยกัน
เรื่อง คล้ายว่าเริ่มจากฝน ผู้เขียนสื่อแนวความคิดหรือทัศนคติที่มีต่อสังคมมนุษย์  ผ่านทางบทสนทนาของตัวละคร และเป็นบทสนทนาที่ทำให้เรื่องมีความน่าสนใจเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครและเนื้อเรื่อง โดยผู้เขียนใช้บทสนทนาในเรื่องไม่มาก แต่มีความกระชับรัดกุม มีความเป็นธรรมชาติเหมือนข้อความที่คนทั่วไปใช้พูดกัน มีการเลือกสรรคำที่มีความหมายกับเนื้อเรื่องและช่วยในการดำเนินเรื่อง ตัวละครพูดจาโต้ตอบกัน ทำให้เรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้น
ตัวละครที่สำคัญนั่นก็คือ ธง และ ฮะตู เด็กชายสองคนที่มีสัญชาติที่ต่างกัน จากที่ธงเคยกลั่นแกล้งฮะตูผู้มีขาเทียมอยู่ประจำ ก็กลับกลายเป็นว่าสงสารกับสภาพที่ฮะตูเป็น จากนั้นก็กลายเป็นเพื่อนร่วมทางจำเป็น พอได้เรียนรู้ รู้จักกันมากขึ้นก็กลายเป็นมิตรภาพน้อยๆที่เกิดภายในจิตใจของเด็กสองคนนี้ สุดท้ายก็เป็นมิตรภาพที่ดีให้แก่กัน เกิดความห่วงใยซึ่งกันและกัน
ดังตัวอย่างรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดภาคเรียน ธงถึงกลับนอนซมด้วยพิษไข้กว่าจะลุกได้ก็ผ่านไปอีกวัน ยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่บ้าง แต่อยากรู้ข่าวคราวของฮะตู จึงขี่จักรยานไปหา ลืมเรื่องที่พ่อเตือนจนหมดสิ้น..”
จากตัวอย่างข้างต้น แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่ก่อเกิดแก่เด็กชายธง ด้วยความที่เป็นห่วงและปะปนไปด้วยความรู้สึกผิด จึงขี่จักรยานไปบ้านของฮะตู ทั้งๆที่ตนก็เป็นไข้ ไม่สบายอยู่ และยังลืมคำเตือนของพ่อ ว่าห้ามธงไปแถวบ้านของฮะตูอีก
และเนื้อเรื่องยังได้กล่าวถึงตัวละครอื่นๆอีก เช่น พ่อของธง พี่ชายธง พี่ชายฮะตู ครูน้ำฝน ครูใหญ่ เอก   และตัวละครที่ปรากฏชื่อแต่ไม่ปรากฏการกระทำ มีเพียงตัวละครอื่นในเรื่องกล่าวถึง  ได้แก่  พ่อของฮะตู ตำรวจ
เรื่อง “คล้ายว่าเริ่มจากฝน” ดำเนินเรื่องแบบลำดับเหตุการณ์จะเน้นความสำคัญ  และความสัมพันธ์ของลำดับเหตุการณ์พฤติกรรม  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การบุกยึดโรงพยาบาล และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ คือตอนที่พม่าบุกยึดดินแดนประเทศไทยทำให้เกิดความเสีย สร้างความโกรธแค้นในกับชาวบ้านในชุมชน และยังมีสภาพความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเป็นสำคัญใช้กลวิธีในการเปิดเรื่องโดยการใช้การบรรยายฉากและเหตุการณ์ของเรื่องอีกด้วย
หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ถึงจุดพลิก อย่างคาดไม่ถึงพี่ชายของ  ฮะตูคือกลุ่มคนร้ายติดอาวุธที่เข้ายึดโรงเรียน ด้วยความรักเพื่อนฮะตูจึงยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องทุกคนถึงแม้ว่า เพื่อนในห้องจะไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อนก็ตามและในตอนจบผู้เขียนจบเรื่องแบบสื่ออารมณ์ของตัวละคร  ที่ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์เศร้าเข้มข้นสะเทือนใจในตอนจบเรื่อง

วิเคราะห์ความเป็นอื่นของตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ “นางมณโฑ”

วิเคราะห์ความเป็นอื่นของตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ “นางมณโฑ” ประวัติของตัวละคร “นางมณโฑ”           นางมณโฑคือใคร? ในหนังสือเรื่...